อายุ 50 ลดน้ําหนัก

หัวข้อ

อายุ 50 ลดน้ําหนัก

อายุ 50 ลดน้ําหนัก เมื่อายุมากขึ้นระบบต่าง ๆ ในร่างกายก็เริ่มทำงานได้ไม่มีประสิทธิภาพเท่าตอนหนุ่มสาว โดยเฉพาะเมื่อก้าวเข้าสู่วัย 50 ปี ร่างกายก็ไม่ได้ทำงานดีเหมือนช่วงอายุ 20-30 ปีแล้ว แถมร่างกายในวัยนี้ก็เริ่มเปลี่ยนแปลงไปตามอายุที่มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างที่อ้วนขึ้น ซึ่งอาจทำให้คุณหมดความมั่นใจ รู้สึกไม่คล่องตัวเหมือนเก่า แต่ใครว่าวัย 50 นั้นจะแก่แล้วแก่เลย ยังทันที่จะหันมาออกกำลังกายเพื่อรูปร่างของเรา วันนี้ akibakko-storage มีบทความสำหรับสาววัย 50 ที่อยากกลับมาหุ่นเป๊ะดังใจกับ วิธีลดน้ำหนัก สำหรับคนอายุ 50

ทำไมการลดน้ำหนักหลังอายุ อายุ 50 ลดน้ําหนัก

อายุ 50 ลดน้ําหนัก เมื่อเข้าสู่วัย 50 คุณมักจะมีอาการปวดตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ไม่ว่าจะเดินขึ้นลงบันได วิ่งตามหลาน หรือออกกำลังกายคุณมักจะรู้สึกตึงที่ข้อต่อ ปวดล้ามากกว่าเมื่อก่อน ปัญหาต่าง ๆ เหล่านี้มันเกิดขึ้นจากปัญหาในการเผาผลาญพลังงาน ข้อมูลจาก American Council on Exercise ให้ข้อมูลว่า อัตราการเผาผลาญพลังงานนั้นจะลดลงร้อยละ 1-2 ทุก ๆ 10 ปี ปัญหาเหล่านี้เกิดจากการสูญเสียมวลกล้ามเนื้อและการเพิ่มขึ้นของมวลไขมัน ทำให้การเผาผลาญพลังงานนั้นทำได้ช้าลง จึงทำให้ลดน้ำหนักยากขึ้น แต่การเปลี่ยนแปลงรูปแบบการออกกำลังกายใหม่ ๆ ให้มีความเหมาะสมกับวัยก็สามารถลดน้ำหนักลงได้ง่ายขึ้น

วิธีลดน้ำหนัก สำหรับคนอายุ 50

ในวัย 50 การจะลดน้ำหนัก สร้างความแข็งแรงให้ร่างกายถือได้ว่าเป็นเรื่องที่ยากพอสมควร เพราะการเผาผลาญพลังงานที่เปลี่ยนแปลงไป แถมก่อนหน้านี้ยังมีพฤติกรรมที่ส่งผลไม่ดีต่อสุขภาพมากมาย อย่างรับประทานอาหารที่ไม่มีประโยชน์ ไม่ค่อยออกกำลังกาย ทำให้มีไขมันที่สะสมอยู่ในร่างกายก่อนหน้านั้น พอเข้าสู่วัย 50 จะลดน้ำหนักก็ทำได้ยาก แต่หากทำอย่างถูกต้อง สมวัยก็ช่วยให้ลดน้ำหนักได้ ที่สำคัญในวัยนี้ไม่ควรเลือกการออกกำลังกายที่ไม่ได้รับแรงกระแทกมาก เพราะอาจส่งผลต่อข้อต่อส่วนต่าง ๆ ได้

เรียนรู้เสริมสร้างความแข็งแรงให้กล้ามเนื้อ

เมื่อต้องการลดน้ำหนักคนส่วนใหญ่ก็มักจะมุ่งเป้าไปที่การออกกำลังกายแบบแอโรบิก แต่จริงๆ แล้วการออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อเป็นอีกหนึ่งวิธีที่มีความสำคัญ โดยเฉพาะในผู้สูงอายุ เมื่ออายุมากขึ้นร่างกายก็มักจะเข้าสู่ภาวะมวลกล้ามเนื้อน้อย คือร่างกายเกิดการสูญเสียมวลกล้ามเนื้อและมวลกล้ามเนื้อนั้นไม่แข็งแรง ส่วนใหญ่แล้วร่างกายจะเข้าสู่ภาะวะนี้เมื่อเข้าสู่วัย 50 นอกจากนี้ร่างกายยังเกิดการชะลอการเผาผลาญไขมันอีกด้วย ดังนั้นการออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อจึงเป็นวิธีการที่ดีในการลดการสูญเสียกล้ามเนื้อที่มีสาเหตุมาจากอายุที่เพิ่มขึ้น ที่สำคัญการฝึกความแข็งแรงของกล้ามเนื้อยังมีส่วนช่วยในการลดน้ำหนัก โดยไปลดไขมันในร่างกาย เพิ่มการเผาผลาญ

เคลื่อนไหวร่างกายให้มาก

การเคลื่อนไหวร่างกายอยู่บ่อยๆ ด้วยการทำนั้นทำนี้ ลุกจากที่บ่อยๆ ไม่นั่งอยู่ที่เก้าอี้นานๆ เป็นการช่วยเพิ่มการแอคทีฟให้กับร่างกาย ช่วยให้เผาผลาญพลังงานแคลอรี่ได้มากขึ้น แถมยังมีความสำคัญต่อการลดไขมันส่วนเกินในร่างกายอีกด้วย เช่น การนั่งทำงานเป็นเวลานานอาจเป็นอุปสรรคในการลดน้ำหนัก แต่การเดินไปยืดเส้นยืดสาย 5 นาทีทุกๆ ชั่วโมงเท่านี้ก็ช่วยให้คุณลดน้ำหนักได้

จ้างเทรนเนอร์ส่วนบุคคล

การจ้างเทรนเนอร์หรือผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในการลดน้ำหนักนั้นเป็นอีกวิธีที่ดีสำหรับมือใหม่ในการออกกำลังกาย เพราะคุณจะได้เข้าใจและออกกำลังกายได้อย่างตรงจุด แถมออกได้อย่างถูกต้อง หลีกเลี่ยงอาการบาดเจ็บที่เกิดจากการออกกำลังกาย นอกจากนี้ผู้สอนยังช่วยกระตุ้น สร้างแรงใจให้คุณอยากออกกำลังกายได้ดีขึ้นด้วย จากการศึกษาพบว่าผู้ใหญ่ 129 เห็นว่าการออกกำลังกายกับเทรนเนอร์เป็นเวลา 1 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ช่วยเพิ่มแรงจูงใจในการออกกำลังกายได้

เลือกกิจกรรมที่คุณชอบ

การออกกำลังกายเพื่อลดความอ้วนนั้น นอกจากเป้าหมายที่ดีแล้ว การหากิจกรรมที่ชอบยังช่วยให้คุณอยากออกกำลังกาย และสามารถออกกำลังกายได้นานขึ้นอีกด้วย การได้ลองทำกิจกรรมหลายๆ อย่างไม่ว่าจะเป็น การเดิน ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน หรือการทำกิจกรรมกับผู้อื่นอย่างเช่น การเต้นลีลาศ การเล่นโยคะ รำไทเก็ก การได้ลองทำกิจกรรมเหล่านี้อาจช่วยให้คุณค้นพบกิจกรรมที่คุณชอบได้

เน้นสัดส่วนของร่างกาย

ถึงจะออกกำลังไปได้สักพักแต่น้ำหนักกลับไม่ลดลงเลย ไม่ได้บ่งบอกว่าการออกกำลังกายที่ทำอยู่นั้นไม่ได้ผล คุณไม่ควรโฟกัสไปที่น้ำหนักเพียงอย่างเดียว แต่ควรดูสัดส่วนโดยรวม ไม่ว่าจะเป็น มวลกล้ามเนื้อที่เพิ่มขึ้น มวลไขมันที่ลดลง สัดส่วนเอว แขน ต้นขาที่เล็กลง มวลกล้ามเนื้อเป็นตัวที่สามารถชี้วัดได้ว่าสุขภาพโดยรวมเป็นเช่นไร การที่มีมวลกล้ามเนื้อ มวลไขมันน้อยในช่วงอายุเยอะนั้นถือเป็นเรื่องที่ดี

นอนหลับให้เพียงพอ

การนอนหลับไม่เพียงพอ อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ และส่งผลต่อการลดน้ำหนักได้ จากการศึกษาพบว่าผู้ที่นอนหลับไม่เพียงพอนั้นจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคอ้วน ซึ่งการนอนหลับที่เพียงพอ โดยการนอนกลับที่แนะนำคือ 7-9 ชั่วโมงต่อคืน และควรจะหลีกเลี่ยงการใช้โทรศัพท์ โทรทัศน์ หรือการใช้งานแทปเล็ตก่อนการนอนหลับ

 

บทความที่เกี่ยวข้อง